วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา ไม่ปรากฎหลักฐานว่าผู้ใดสร้างไว้ แต่มีเรื่องเล่าขานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระนางสร้อยดอกหมาก พระราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีน
โดยในพงศาวดารเหนือมีเรื่องถึงตำนานวัดแห่งนี้ว่า
สมัยที่บ้านเมืองยังไม่มีกษัตริย์ปกครอง หมู่อำมาตย์ปุโรหิตทำพิธีลอยเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์เอกไชย พร้อมกับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ไปตามลำน้ำ เพื่อเสี่ยงทายหาผู้มีบุญญาธิการมาเป็นกษัตริย์ เรือพระที่นั่งลอยมาหยุดนิ่งที่ตำบลแห่งหนึ่ง ณ ที่แห่งนั้น หมู่อำมาตย์เห็นเด็กเลี้ยงควายกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่ เด็กชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนจอมปลวกเล่นเป็นพระราชา กำลังสั่งประหารชีวิตเพื่อนที่เล่นเป็นข้าราชการ ทันทีที่เพชรฆาตปลอมใช้ไม้บั่นคอเด็กน้อย หัวของเด็กผู้โชคร้ายก็ขาดกระเด็น หมู่อำมาตย์เห็นอภินิหารดังนั้นจึงเชิญเด็กชายที่เล่นเป็นพระราชา ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ากรุงไทย
ฝ่ายเมืองจีน พระเจ้ากรุงจีนพบเด็กหญิงในจั่น (ช่อดอกอ่อนของหมาก หรือช่อดอกมะพร้าวเมื่อยังอ่อนอยู่) เวลาผ่านไปพระธิดาสร้อยดอกหมากเติบโตเป็นสาวรูปงาม โหรทำนายว่าคู่ครองของพระธิดาคือพระเจ้ากรุงไทย พระเจ้ากรุงจีนจึงส่งพระราชสาส์นถึงพระเจ้ากรุงไทย เพื่อยกพระธิดาให้เป็นพระมเหสี พระเจ้ากรุงไทยพอพระทัยอย่างมาก ตรัสว่าจะไปรับพระธิดาสร้อยดอกไม้ในเดือน 12 นี้
เมื่อถึงแรม 11 ค่ำ เดือน 12 จัดขบวนเรือไปรับพระนางสร้อยดอกหมาก เมื่อเสด็จถึงแหลมวัดปากคลอง ทรงทอดพระเนตรเห็นรังผึ้งที่อกไก่ (ไม้เครื่องเรือนที่พาดด้านบนเป็นสันหลังคา อยู่ใต้ช่อฟ้า หน้าบัน) ได้อธิษฐานเสี่ยงทายว่าถ้าพระองค์มีบุญญาธิการที่จะปกครองบ้านเมืองให้เป็นสุขแล้ว ขอให้น้ำผึ้งหยดย้อยลงมากลั้วเรือพระที่นั่งให้เคลื่อนไปเทียบที่กำแพงแก้วด้วยเถิด สิ้นคำอธิษฐานพระที่นั่งก็เคลื่อนไปเทียบอยู่ที่กำแพงแก้วราวกับปาฏิหาริย์ เหล่าข้าราชการเห็นเหตุการณ์ดังนั้น จึงถวายพระนามว่า“พระเจ้าสายน้ำผึ้ง”
เมื่อเรือพระที่นั่งล่องไปถึงเขาไพ่ เมืองจีน ชาวสำเภาจีนจึงนำความไปกราบทูลให้พระเจ้ากรุงจีนรับทราบ พระเจ้ากรุงจีนต้องการทดสอบบารมีของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง จึงเชิญให้ประทับค้างแรมที่อ่าวนาค และอ่าวเสือ ซึ่งเป็นสถานที่อันตรายและน่ากลัว แต่พระเจ้าสายน้ำผึ้งก็ประทับอยู่ได้อย่างปลอดภัย มีเทวดาคอยบรรเลงเพลงขับกล่อมทั้งคืน เมื่อพระเจ้ากรุงจีนเห็นถึงพระบารมีแล้วจึงจัดพิธีอภิเษกให้ หลังจากนั้นพระเจ้าสายน้ำผึ้งก็พาพระนางสร้อยดอกหมากกลับกรุงไทย
ขบวนเรือพระที่นั่งลอยมาถึงเกาะกลางน้ำแห่งหนึ่ง มีพระสงฆ์ 150 รูป มารอรับเสด็จ ต่อมาเกาะนี้มีชื่อว่า เกาะพระ จากนั้นพระเจ้าสายน้ำผึ้งก็เสด็จเข้าวังก่อน เพื่อเตรียมพิธีต้อนรับพระนางสร้อยดอกหมาก โดยรับสั่งให้พระนางสร้อยดอกหมากประทับรออยู่ที่เรือก่อน ครั้งพระเจ้าสายน้ำผึ้งส่งขบวนมารับอย่างเอิกเกริก แต่ พระนางสร้อยดอกหมากไม่เสด็จ เพราะน้อยใจว่าพระสวามีไม่มารับด้วยพระองค์เอง พระเจ้าสายน้ำผึ้งทราบก็ตรัสหยอกเย้าว่า “มาถึงที่นี่แล้ว ถ้าอยากอยู่ตรงนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด” พระนางเข้าใจผิดคิดว่าพระสวามีตัดจริง วันรุ่งขึ้น พระเจ้าสายน้ำผึ้งออกมารับเสด็จด้วยพระองค์เอง พระนางก็แง่งอนไม่ยอมไป พระองค์จึงตรัสหยอกเล่นอีกว่า “เมื่อไม่ไปก็จงอยู่นี่เถิด” ทำให้พระนางสร้อยดอกหมากเสียใจมากขึ้น กลั้นใจตายอยู่ ณ ที่นั้น
พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสียพระทัยเป็นอย่างมาก รับสั่งให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่ “แหลมบางกะจะ” จากนั้นสร้างวัดขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่พระนางสร้อยดอกหมาก และให้ชื่อวัดว่า “วัดพนัญเชิง” ปัจจุบันที่วัดแห่งนี้มีการตั้งศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ลักษณะเป็นศาลเจ้าจีน ประดิษฐานรูปหล่อองค์เล็กของพระนางสร้อยดอกหมากไว้
สถานที่ตั้ง วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา