ตำนาน เทพธิดาไหม 蚕神

สาวชาวจีนนิยมสักการะเทพธิดาไหมเพื่อให้งานทอผ้าไหมราบรื่น สวยงาม

ตำนานเทพธิดาไหม

มีตำนานเล่าว่า มีหญิงสาวอยู่คนหนึ่ง ที่มีพ่อเป็นพ่อค้าซึ่งต้องเดินทางไปค้าขายต่างเมือง จำเป็นต้องปล่อยให้ลูกสาวอยู่บ้าน กับม้าตัวหนึ่ง

ครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่พ่อของหญิงสาวควรจะเดินทางถึงบ้าน แต่กลับไม่มีข่าวคราว หญิงสาวร้อนใจ จึงคิดเปรยกับม้าว่าหากสามารถนำพ่อของนางกลับมาบ้านได้จะยินยอมแต่งงานด้วย

ม้าตัวนั้นจึงได้เดินทางไปจนเจอกับพ่อค้า ซึ่งกำลังล้มป่วยอยู่ ไม่สามารถเดินทางได้ พ่อของหญิงสาวดีใจที่เห็นม้า จึงรีบขึ้นหลัง ควบม้ากลับบ้าน เมื่อทั้งสองได้พบหน้ากันต่างดีใจ นำหญ้ามาป้อนม้าเพื่อเป็นรางวัล แต่ม้ากลับไม่ยอมกินหญ้า พ่อของหญิงสาวสงสัย จึงได้สอบถามหญิงสาว และพบว่านางได้ตกลงรับปากว่าจะแต่งงานกับม้าตัวนั้น เพื่อเป็นรางวัลที่สามารถนำพ่อกลับบ้านได้

พ่อของนางจึงกำชับหญิงสาวว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง จากนั้น เมื่อถึงตอนกลางคืน พ่อของนางก็ทำการสังหารม้าตัวนั้น และนำหนังม้าไปตากไว้ที่ลานหลังบ้าน

หลายวันต่อมา หญิงสาวได้เดินไปหลังบ้าน เมื่อเห็นหนังม้าก็รู้สึกเสียใจ ไม่คิดว่าพ่อจะฆ่าม้าทิ้ง ด้วยความอาลัย จึงเข้าไปเพื่อจะลูบหนังม้า

ทันใดนั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์ หนังม้าได้ปลิวขึ้นดังมีชีวิต เข้ามาม้วนร่างของหญิงสาวไว้และหายไป

หญิงสาวที่อยู่ในม้วนหนังม้า ได้กลายร่างเป็นตัวไหม ซึ่งตามตำนานว่ามีหัวเหมือนม้า กินใบหม่อนเป็นอาหาร จากนั้นนางจึงกลายเป็นเทพธิดาไหม ส่วนทุ่งหม่อนเรียกว่า ทุ่งคายใย กลายเป็นตำนานเรื่อง เทพธิดาไหม

เหลยจู่ 嫘祖 มารดาแห่งเส้นไหม

เหลยจู่ ผู้รู้วิธีการเลี้ยงไหมและสาวเส้นไหม ตามตำนานจีน กล่าวไว้ว่า ครั้งหนึ่งจักรพรรดิหวงตี้ ปฐมจักรพรรดิจีน ได้เสด็จออกไปทรงล่าสัตว์ พระองค์ทรงพบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเลี้ยงตัวไหมและเก็บรวบรวมเส้นไหมอยู่ จึงทรงพระดำเนินเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้น พร้อมกับตรัสถามว่า พระองค์ประสงค์จะเรียนรู้วิธีการเลี้ยงไหมและสาวเส้นไหม ฝ่ายหญิงสาวกราบทูลว่า บิดาและมารดาได้สั่งไว้ว่า ห้ามสอนชายที่ไม่ใช่สามีตน เมื่อพระจักรพรรดิหวงตี้ทรงทราบเช่นนั้น จึงทรงขออภิเษกสมรสกับหญิงสาวผู้นี้ หญิงสาวดังกล่าวก็คือ เหลยจู่