ไทย จีน มีความสัมพันธ์ทางการฑูตกันมายาวนาน ในสมัยรัตนโกสินทร์ เริ่มต้นตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้มีพระราชสาสน์ และส่งฑูตไปเจริญพระราชไมตรีกับประเทศจีน โดยมีการใช้ชื่อแซ่แบบจีนลงนามในพระราชสาสน์ โดยตระกูลแซ่ของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ยังได้สืบต่อมา รวมถึง พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ก็ทรงมีพระนามเป็นภาษาจีน
สำหรับ ตระกูลแซ่ประจำราชวงศ์จักรี คือ”แซ่เจิ้ง” หรือ “แซ่แต้” ในภาษาจีนแต้จิ๋ว โดยตระกูลแซ่นี้มีที่มา
ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งซิ่น 郑信
สำหรับพระนามจีนของพระมหากษัตริย์ไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์ของแต่ละพระองค์มีดังนี้
– รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระนามจีนว่า เจิ้งหัว 郑华
– รัชกาลที่ 2 ทรงมีพระนามจีนว่า เจิ้งฝอ 郑佛
– รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระนามจีนว่า เจิ้งฝู 郑福
– รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระนามจีนว่า เจิ้งหมิง 郑明
– พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระนามจีนว่า เจิ้งเจิ้ง 郑 正
– รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งหลง 郑隆
– รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งเป่า 郑宝
– รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งกวง 郑光
– รัชกาลที่ 8 ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งสี่ 郑禧
– รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งกู้ 郑固
– รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระนามจีนว่าเจิ้งเหมี่ยน 郑冕
ดังนั้น จึงเป็นราชประเพณีที่สืบต่อกันมาว่า เชื้อพระวงศ์ไทยในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ทรงมีตระกูลแซ่ คือแซ่เจิ้ง 郑
ที่มารูปภาพ/ข้อมูล : Wikipedia/baidu/พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒