โจ๊กล่าปา เป็นโจ๊กในวันเทศกาลล่าปา ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าเป็นวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าของชาวจีน
แนวคิดของโจ๊กล่าปา มาจากข้าวมธุปายาสซึ่งนางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้
โจ๊กล่าปาของจีนมักจะเป็นข้าวผสมธัญพืช ซึ่งโดยปกติจะมี 8 อย่างแต่มีส่วนผสมแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ถั่วดำ ถั่วแดง พุทราจีน ฯลฯ
ตำนานที่มาของโจ๊ก
ในยุคราชวงศ์หมิง (1368 -1644) เล่ากันว่าจูหยวนจาง ปฐมจักรพรรดิขณะยังมีสถานะเป็นสามัญชน เป็นผู้ที่มีความเป็นอยู่แร้นแค้นมาก วันหนึ่งได้ขุดรูหนูเพื่อจับหนูกิน แต่ได้ไปพบข้าวฟ่างและธัญพืชหลายชนิด จึงนำมาต้มรวมกัน เรียกว่า ล่าปาโจว 腊八粥 ข้าวต้มล่าปา ในประเทศไทยบางพื้นที่ออกเสียงคำว่า โจว เพี้ยนเป็นโจ๊ก จนมาถึงทุกวันนี้
นิทานพื้นบ้านที่มาของการกินโจ๊กล่าปา
นานมาแล้ว มีเกษตรกรสองตายายอาศัยอยู่ในชนบทที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ทั้งคู่เป็นคนขยันขันแข็ง ทั้งสี่ฤดูไม่เคยว่างเว้นในการเพาะปลูกพืชไร่ ยุ้งฉางของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยธัญพืชชนิดต่างๆตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ต้นพุทราที่พวกเขาปลูกไว้ที่ลานบ้าน ก็ออกผลที่ทั้งกรอบทั้งหวานหอมเต็มต้น สามารถนำไปขายได้เงินเป็นจำนวนมาก ช่วยให้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย
สองตายายทำงานยุ่งเหนื่อยหนักตลอดทั้งปี เพื่อหวังเป็นทุนให้ลูกชายสองคนมีทรัพย์สมบัติไปขอสาวแต่งงาน จะได้มีเชื้อสายสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่สองตายายแก่ชราลงทุกวัน ลูกชายก็เริ่มเติบโตเป็นหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ และในวันที่ตาจะสิ้นลม ก็ได้กำชับกับลูกชายว่า ต้องขยันขันแข็งทำไร่ทำนาอย่างตายาย คุณยายก็ฝากให้ดูแลต้นพุทราที่ปลูกไว้ เมื่อเก็บผลไปขายได้สตางค์ ก็ให้เก็บไว้ดีๆสำหรับแต่งงาน อย่านำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกิน
เมื่อสองตายายเสียชีวิตเหลือเพียงพืชพันธุ์ธัญญาหารเต็มยุ้งฉางและต้นพุทราที่ลานบ้าน พี่ชายจึงบอกแก่น้องชายว่า ตอนนี้เราสองคนมีผลิตผลมากมายจนใช้ไม่หมดแล้ว ปีนี้ไม่ต้องทำงานหรอก กินเหล้าให้สบายใจดีกว่า น้องชายได้ยินแล้วดีใจมาก พี่น้องสองคนนี้มีแต่กินๆดื่มๆตลอดทั้งปี ถึงปีที่สอง พี่ชายบอกว่า ปีนี้พุทรายังออกผลดีอยู่ ถึงไม่ทำอะไร เราก็ยังมีลูกพุทราไว้กิน น้องชายก็เห็นชอบและทำตามพี่ชายเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องนับวันก็ยิ่งเกียจคร้าน เอาแต่ดื่ม กิน เที่ยวเล่น ปล่อยชีวิตเสเพลไปวันๆ เพียงไม่กี่ปี พืชผลที่พ่อแม่ตรากตรำสะสมไว้ก็ถูกใช้หมด ต้นพุทราก็ออกผลสู้ปีก่อนไม่ได้แล้ว เพราะขาดการดูแลเอาใจใส่ ในคืน 8 ค่ำเดือน 12 ของปีหนึ่ง ในบ้านแทบไม่มีอะไรเหลือให้รับประทานอีกแล้ว สองพี่น้องหิวจนทนไม่ไหว จึงกวาดเอาพืชผลที่ตกค้างอยู่ในยุ้งไม่เว้นแม้แต่ตามซอกเล็กซอกน้อย ได้ข้าวเปลือก ถั่วแดง พุทราแห้ง และอื่นๆมาอย่างละนิดละหน่อย จึงนำมาต้มรวมกันเป็นโจ๊ก
ขณะรับประทานโจ๊กที่ปรุงพิเศษนี้อยู่ พี่น้องทั้งสองคนก็นึกถึงคำพูดสุดท้ายของพ่อแม่อย่างฉับพลัน ทำให้สองพี่น้องได้คิดและสำนึกถึงความผิดจากความเกียจคร้านที่ผ่านมา จึงกลับตัวกลับใจหันมาทำไร่ไถนาอย่างแข็งขัน ต่อจากนั้นไม่กี่ปี พวกเขาก็สามารถสร้างฐานะ แต่งงาน และมีครอบครัวได้ในที่สุด
จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวของสองพี่น้องนี้ก็ยังคงเป็นนิทานสอนใจแก่ชาวจีนรุ่นหลังเล่าขานสืบต่อมา ซึ่งจะรับประทานโจ๊กล่าปาในวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี เพื่อเตือนใจให้ทุกคนตระหนักถึงผลร้ายของการเป็นคนเกียจคร้าน ไม่รู้วิจักอดออมอดทนและขยันหมั่นเพียร