ในประวัติศาสตร์จีนนั้น มีการกล่าวถึง การแสวงหาความเป็นอมตะ ไม่เจ็บไม่ตาย ตัวอย่างง่าย ๆ ของการแสวงหาความเป็นอมตะคือเรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่ส่งคนไปแสวงหายาอายุวัฒนะ เพื่อจะได้ไม่ต้องตาย หรือหากกล่าวถึงตามความเชื่อของเต๋า ก็คือการฝึกตนให้เป็นเซียน เพื่อจะได้มีชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตาย
แต่ก็เป็นที่ทราบกันว่า ชีวิตของคนเรานั้น เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่สักเท่าใด สุดท้าย ร่างกายก็จะต้องเจ็บป่วย แก่ชรา และเสียชีวิตไปในที่สุด เราไม่สามารถดำรงตนให้เป็นอมตะทางร่างกายได้ แต่ก็ยังมีความเป็นอมตะอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทุกคนสามารถแสวงหาได้ นั่นคือ ความเป็นอมตะทางจิตใจ
ในบันทึกจั่วจ้วน 左传 ซึ่งเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ในสมัยยุคชุนชิว นั้น ได้มีการกล่าวถึง การกระทำที่ทำให้เป็นอมตะทางจิตใจได้ 3 ประการซึ่งเรียกว่า ซานปู้สิ่ว 三不朽 Sān bùxiǔ หรือสามอมตะ
โดยเป็นการบันทึกเรื่องราวการสนทนากัน ของซูซุ่นเป้า 叔孙豹 แห่งแคว้นหลู่ และฟ่านซวนจื่อ 范宣子แห่งแคว้นจิ้น โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า
ในปีที่ 549 ก่อนค.ศ. ซูซุนเป้าแห่งแคว้นหลู่ ได้เดินทางไปยังแคว้นจิ้น
และได้พบกับฟ่านซวนจื่อ ที่คอยออกมาต้อนรับ
前549年,鲁国的叔孙豹出使晋国,晋国正卿中军将范宣子出面迎接,
ฟ่านซวนจื่อ แห่งแคว้นจิ้น ได้ถาม ซู่ซุนเป้า แห่งแคว้นหลู่ว่า
คนโบราณมีคำกล่าวว่า ตายแล้วเป็นอมตะ นี้คืออะไร
“古人有句话叫‘死而不朽’,这是说的什么?”
ซู่ซุนเป้า ยังไม่ได้ทันได้ตอบ ฟ่านซวนจื่อก็พูดต่อว่า
叔孙豹没有回答。范宣子接着说:
แต่เดิมบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ตั้งแต่ยุคพระเจ้าชุ่น 虞舜 ขึ้นไป มีบรรดาศักดิ์เป็นเถาถังซื่อ 陶唐氏
“从前我士匄的祖先,虞舜以上是陶唐氏,
ในช่วงราชวงศ์เซี่ย ได้รับตำแหน่งเป็นอวี้หลงซื่อ
在夏朝是御龙氏,
ในช่วงราชวงศ์ซาง ได้เป็นสื่อเว่ยซื่อ
在商朝为豕韦氏,
ในช่วงราชวงศ์โจว ได้เป็นถังตู่ซื่อ
在周朝为唐杜氏,
ในสมัยแคว้นจิ้น ก็ได้เป็นฟ่านซื่อ
晋国主持中原盟会的时候是范氏,
นี่กระมัง คือ ความอมตะที่คนโบราณกล่าวไว้
恐怕古人所说的不朽就是这个吧?”
ซู่ซุ่นเป้า จึงกล่าวว่า
叔孙豹说:
เท่าที่ข้าพเจ้าซู่ซุ่นเป้าได้ฟังมา การสืบทอดอำนาจตำแหน่งจากรุ่นสู่รุ่นนี้ หาใช่ความเป็นอมตะ
“以我叔孙豹所听说的,这叫做世世代代有禄位,而不是不朽。
ในอดีตแคว้นหลู่มีอัครมหาเสนาบดีชื่อจังเหวินจ้ง แม้ล่วงลับไปแล้ว แต่วาทะของท่านยังคงถูกถ่ายถอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นที่ประจักษ์อยู่ นี่กระมัง คือ ความเป็นอมตะ
鲁国的大夫臧文仲死后,他所说的话世代流传,所谓不朽,说的就是这个吧!
ข้าพเจ้าเคยฟังมาว่า สูงสุดคือสร้างคุณธรรม รองลงมาคือสร้างผลงาน ถัดลงมาคือสร้างคมวาทะ (หรือวรรณกรรม)
我听说:‘最高的是树立德行,其次是树立功业,再其次是树立言论。
หากได้ทำดังนี้แล้ว ภายหลังเสียชีวิตก็มิเสื่อมสลาย นี้จึงเรียกว่าอมตะ
能做到这样,虽然死了也久久不会废弃,这才叫不朽。
หากเพียงเป็นการดำรงตระกูลแซ่ให้คงอยู่ รักษาครอบครัวให้คงไว้ ปกป้องศาลบรรพชนประจำตระกูลให้คนรุ่นหลังได้มีที่กราบไว้นั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป ความยิ่งยงของยศศักดิ์นั้น หาใช่ความเป็นอมตะไม่”
如果是保存姓、接受氏,守护宗庙,世代不断绝祭祀,任何一个国家都有这样的家族,官禄大的并不能叫作不朽。
จากข้อความข้างต้น จะพบว่า ความอมตะนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศศักดิ์ ตำแหน่งของบรรพบุรุษในวงศ์ตระกูล หากแต่ คือ การได้สร้างความเป็นอมตะ 3 ประการ นั้นคือ
มีคุณธรรม หมายถึง เป็นผู้ประพฤติธรรม มีศีลธรรม คุณธรรม เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นในด้านความประพฤติ
สร้างวีรกรรม หมายถึง การสร้างผลงาน ที่เป็นประโยชน์แก่สังคม แก่ประเทศชาติ
สร้างอมตะวาจา หมายถึง การได้มีวรรณกรรม หรืออมตะวาจา ให้เป็นแง่คิดต่อมาถึงคนรุ่นหลัง
ผู้ที่ได้สร้างความเป็นอมตะทั้ง 3 ประการนี้ จึงนับได้ว่าเป็นอมตะอย่างแท้จริง