วันตรุษจีน วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เรียกว่า ชุนเจี๋ย 春节 แปลว่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ตรงกับวันที่ 1 เดือน 1 หรือ เจิ้งเย่ 正月ตามปฏิทินจันทรคติของชาวจีน
แต่ก่อนที่จะมาถึงวันตรุษจีนนั้น สัญญาณการเริ่มต้นของเทศกาลตรุษจีน ได้เริ่มมาตั้งแต่ วันเสี่ยวเหนียน 小年 ไหว้ส่งเทพเจ้าเตาไฟขึ้นสู่สวรรค์ ในช่วงวันที่ 23 หรือ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน ในวันนี้จะมีการทำความสะอาดบ้าน ติดโคลงคู่ที่เรียกว่าตุ้ยเหลียน 对联 และอักษรภาพ เช่นคำว่า ฝู 福 มงคลความสุขของชาวจีน ไว้ในบริเวณบ้านเพื่อความเป็นมงคล
จากนั้นเมื่อถึงวันส่งท้ายปีในวันที่ 30 เดือน 12 จะเรียกวันนี้ว่า ต้าเหนียนซานสือ 大年三十 เรียกสั้น ๆ ว่าวัน ฉูซี 除夕 ในวันนี้ชาวจีนจะถือเป็นวันไหว้ โดยจะมีการไหว้เทพเจ้า ไหว้เจ้าที่ในช่วงเช้า และไหว้บรรพบุรุษในช่วงสาย หลังเที่ยงมีการไหว้ผีไม่มีญาติ
ประเพณีการเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษในช่วงเทศกาลตรุษจีน ถือกำเนิดขึ้นจากรากฐานแห่งคุณธรรม ความกตัญญูกตเวที ที่ชาวจีนยึดมั่นและให้ความสำคัญ ตามประเพณีแบบดั้งเดิม แต่ละบ้านจะนำ เจียผู่ 家谱 คือบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล หรือ รูปภาพ หรือแผ่นป้ายที่สลักชื่อบรรพบุรุษ ที่ล่วงลับไปแแล้ว มาวางไว้เพื่อเซ่นไหว้
พอถึงในช่วงกลางคืน จะเรียกคือนี้ว่า ซาจับแม้ หรือ ฉูซีเย่ ในคืนวันนี้จะเป็นวันที่ครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้า ร่วมกันรับทานอาหารในคืนส่งท้ายปีเรียกว่า เหนียนเย่ฟ่าน 年夜饭 หมายถึง อาหารค่ำ ของคืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญที่ชาวจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง อาหารมื้อนี้ จะเป็นอาหารที่ทุกคนในครอบครัว ต่างมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน สมาชิกในครอบครัวที่แยกย้ายหรือไปทำงานในต่างเมือง ก็จะพยายามกลับมาให้ทันเพื่อร่วมรับประทานอาหารในคืนวันส่งท้ายปี หรือหากมีสมาชิกในครอบครัวคนไหนกลับมาไม่ทันจริง คนในครอบครัวก็จะวางชามและตะเกียบไว้ให้เสมือนว่าทุกคนในครอบครัวมากันครบ
ความพิเศษของเหนียนเย่ฟ่าน หรืออาหารในค่ำคืนวันสั่งท้ายปีนั้น อยู่ที่เมนูอาหารที่นำมาตั้งโต๊ะในคืนวันนี้ต่างแฝงไว้ด้วยความหมายที่เป็นสิริมงคล โดยตัวอย่างของเมนูอาหารที่ทุกบ้านจะต้องมีในมื้อนี้ เช่น
ไก่ แทนความหมาย จี๋เสียงหรูอี้ 吉祥如意 แปลว่า มีสิริมงคลสมดังปรารถนา และ
ปลา แทนความหมาย เหนียนเหนียนโหยวหยี 年年有余 แปลว่ามีเงินทองเหลือใช้ทุกปี
ผัดหมี่ซั่ว แทนความหมาย อวยพรให้มีอายุยืนยาว
ผัดผักกาด หมายถึง ความสนิทสนมความอบอุ่น
ผัดถั่วงอก เนื่องจากถั่วงอกเหลืองมีรูปร่างคล้ายกับ หยกหรูอี้ มีเสียงพ้องกับคำว่า หรูอี้ 如意 ที่แปลว่า สมปรารถนา
เกี๊ยว ซึ่งมีลักษณะคล้ายเงินของจีนในสมัยโบราณ แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวย
ขนมเข่ง หรือ เหนียนเกา มีความหมาย ในการอำนวยพรให้ชีวิต เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทุกปี ๆ 生活年年提高
โดยในระหว่างที่กินข้าวกัน ชาวจีนก็จะร่วมกันดูรายการ ชุนเจี๋ย เหลียนฮวน หว่านฮุ่ย 春节联欢晚会 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ชุนหว่าน 春晚 ซึ่งจะถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์จีนตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึงประมาณเกือบ ๆ ตี 1 ซึ่งรายการนี้ถือเป็นรายการที่คนจีนแทบทั้งประเทศ ดูกันในวันฉูซี 除夕
ในคืนข้ามปีนี้ นอกจากการรับประทานอาหาร และร่วมดูรายการชุนหว่านทางช่องโทรทัศน์ด้วยกันแล้ว ในครอบครัวยังมีการ การเล่นเกมหรือการละเล่นต่าง ๆ เช่น หมากล้อม หมากฮอร์ส ไพ่กระดาษ ไพ่นกกระจอก ส่วนเด็ก ๆ ก็มีเกมแบบเด็ก ๆ เช่น ขี่ม้าไม้ไผ่ วิ่งไล่จับ เป็นต้น
จนถึงใกล้เวลาเที่ยงคืน ผู้อาวุโสภายในบ้านก็จะเริ่มตั้งโต๊ะเพื่อจัดเรียงธูปเทียนต้อนรับเทพแห่งโชคลาภไฉ่สิ่งเอี๊ย 財神爺 หรือไฉเสิน 财神 เพื่อความเป็นศิริมงคล อวยพรให้ทุกคนภายในบ้าน มีความร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไปในปีใหม่ที่จะมาถึง
นอกจากนี้ ยังมีการจุดประทัด โคมไฟ โดยยิ่งเมื่อใกล้เวลาเที่ยงคืนเข้าไปเท่าใด เสียงประทัดก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น จะกระทั่งถึงเวลาข้ามปี ทุกคนก็จะอวยพรสวัสดีปีใหม่ให้แก่กัน
การอยู่โต้รุ่งในคืนวันสิ้นปี เช่นนี้ เรียกว่า โซ่วซุ่ย 守岁 shǒusuì ถือเป็นธรรมเนียมหรือความเชื่อของชาวจีนที่ว่า จะไม่นอนหลับในช่วงข้ามปี จะอยู่โต้รุ่งเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง โดยมีความเชื่อกันว่าการโซ่วซุ่ยนี้ จะทำให้ญาติผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ในครอบครัว มีอายุยืนยาว
พอหลังจากอยู่ข้ามปีแล้ว ทุกคนก็จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน จนถึงช่วงรุ่งอรุณแรกของปีใหม่ เวลาประมาณตีสี่ของวันตรุษจีน ทุกคนก็จะตื่นมาเพื่อจะสวัสดีปีใหม่ และ กินเกี๊ยว กัน เพื่อความเป็นสิริมงคล